วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

Trend change

Trend change

            การเทรดตามแนวโน้มเป็นคำแนะนำของเทรดเดอร์มืออาชีพกันมาแต่ช้านาน ทุกคนล้วนกันพูดเป็นเสียงเดียวกัน ไม่ว่าจะสาย Mean-reversion หรือสาย Trend-following ก็แนะนำกันทั้งนั้น ซึ่งวิธีการในการแบ่งแยกแนวโน้มนั้นมีค่อนข้างหลากหลาย แต่ที่ใช้กันหลักๆคือ “เส้นค่าเฉลี่ย”

            ทั้งนี้เทรดเดอร์ส่วนมาก Set ค่าเส้นค่าเฉลี่ยโดยคำนวณจาก “ราคาปิด” แต่เราสามารถประยุกต์ใช้ ราคาเปิด และ ราคาปิด ในการพิจารณาแนวโน้มว่าเป็นอย่างได้เช่นกัน



            โดยจะใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นที่มีจำนวนวันเท่ากัน แต่จะแตกต่างกันที่เส้นหนึ่ง คำนวณจาก ราคาเปิด และอีกเส้นหนึ่งคำนวณจาก ราคาปิด

            ซึ่งเราสามารถสังเกตจากการทำ Swing Low และ Swing High ของราคา ถ้าแนวโน้มขาขึ้นก็จะเป็นการทำ Higher High และ Higher Low ส่วนถ้าแนวโน้มขาลงก็จะเป็นการทำ Lower Low และ Lower High


            High MA หรือเส้นค่าเฉลี่ยที่คำนวณจาก High และ Low MA หรือเส้นค่าเฉลี่ยที่คำนวณจาก Low โดยถ้าเส้นค่าเฉลี่ย 2 สองนี้ เคลื่อนไหวสอดคล้องกับแนวโน้ม ก็หมายความว่าราคายังอยู่ในช่วงแนวโน้มนั้นอยู่ จากกราฟข้างต้น High ของ High MA ทำ High ต่ำลง ก็แสดงถึงยังอยู่แนวโน้มขาลงอยู่


            ส่วนกราฟข้างต้นนี้เป็นตัวอย่างการเปลี่ยนแนวโน้มของราคา โดย Low MA นั้นไม่ได้ทำ Low ต่ำลง แต่กลับยก Low สูงขึ้น (Higher Low) เป็นสัญญาณว่าราคาไม่ได้ยืนยันแนวโน้มขาลง มีโอกาสเปลี่ยนแนวโน้ม ซึ่งจากกราฟราคาก็กลับตัวเป็นดีดขึ้นแทน

            ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะสังเกตว่าแนวโน้มในช่วงนี้มีทิศทางเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าเราเทรดตามแนวโน้มที่ราคาเป็นอยู่นั้น โอกาสการชนะของเราก็จะสูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

ทีมงาน : forexthairich.com

Spike candles

Spike candles

            เป็นหนึ่งในรูปแบบของแท่งเทียนที่จะช่วยหาจังหวะที่เรียกว่า Market Extremes หรือช่วงสูงสุด หรือต่ำสุดของราคา โดยรูปแบบนี้จะช่วยเทรดเดอร์สาย Technical หาจังหวะการเทรดได้ดีขึ้น โดยที่เรียกว่าช่วง Extremes นั้นคือเป็นจังหวะที่แท่งเทียนนั้นเกิดรูปแบบ Spike คือมีไส้ยาวๆ ขึ้นไปในด้านหนึ่ง และส่วนราคาปิดและราคาเปิดนั้นอยู่ที่บริเวณปลายของแท่งเทียนในด้านตรงกันข้ามของไส้ยาวๆ (ตามรูปด้านล่าง)

                                                          Source: FiboGroup

            ในความหมายของพวกแท่ง Spike นั้นคือ ในระหว่างวันราคามีแรงพยายามซื้อเพื่อดันราคาขึ้นใน (ในส่วนของ Bearish spike candles) แต่สุดท้ายแล้วแรงซื้อนั้นหมดลง ถูกหักล้างด้วยแรงขายที่รุนแรงกว่า จึงทำให้ราคาลงมาปิดที่บริเวณเดียวกับราคาเปิด แสดงถึงเป็นสัญญาณเชิงลบ
            ส่วน Bullish spike candles ก็ในทางตรงกันข้าม

           
            กราฟตัวอย่าง AUD/USD ที่เกิดแท่งเทียนลักษณะ Spike candles ซึ่งมักจะเป็นช่วง High หรือ Low ของรอบ Swing

            ยิ่งถ้าเรานำไปประกอบการใช้งานกับสิ่งต่างๆ อาทิเช่น แนวรับ แนวต้าน , เส้นค่าเฉลี่ย , Indicator ต่างๆ , Divergence และอีกมากมาย ก็จะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานนั้นเพิ่มสูงขึ้น โอกาสการชนะในการเทรดของเราก็จะมากขึ้นด้วยเช่นกัน


            หลายคนอาจเคยได้ยินชื่ออื่นมาบ้าง โดยอาจจะคล้ายกับชื่อรูปแบบแท่งเทียนต่างๆพวก Morning/evening stars, doji, hammers, dragonflies, หรือ pinbars เป็นต้น ซึ่งอย่างไปซีเรียสเรื่องพวกชื่อแท่งเทียนนี้เลยครับ ให้สนใจความหมายของมันดีกว่า เพราะเราไม่ได้จะแข่งกันด้วยชื่อ เราแข่งกันด้วยผลการเทรดมากกว่า
           
ทีมงาน : forexthairich.com

Forex correlations

Forex correlations

            ความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวในคู่เงินสกุลกับคู่เงินสกุลด้วยกันหรือสินค้าต่างๆ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการเทรด แต่เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม ไม่ค่อยคำนึงถึง ที่บอกว่ามันสำคัญก็เพราะว่า บางคู่สกุลเงิน กับสินค้าโภคภัณฑ์บางอย่าง มีความสัมพันธ์การเคลื่อนไหวที่เป็นในทิศทางเดียวกัน พูดง่ายๆคือ ถ้ามันขึ้น ก็ขึ้นพร้อมกัน ถ้ามันลงก็ลงพร้อมกัน ดังนั้นการเทรดสินค้า 2 สินค้าที่มีความสัมพันธ์เป็นในทิศทางเดียวกันจะทำให้เหมือนเราไปเพิ่มความเสี่ยงในการเทรดให้มากขึ้น ไม่ได้เป็นการกระจายความเสี่ยงแต่อย่างใด


แต่ก่อนมาดูว่าสินค้าใดมีความสัมพันธ์กันบ้าง ให้เรามาทำความเข้าใจว่าอะไรคือ Correlations หรือ ความสัมพันธ์
            ความสัมพันธ์ หรือ Correlations ในความหมายของการเทรดนั้นคือ เป็นการอธิบายการเคลื่อนไหวระหว่าง 2 โปรดักส์ทางการเงิน (คู่สกุลเงิน, หุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์ และอื่นๆ) โดยถ้าเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียว ค่าความสัมพันธ์จะเป็นบวก (Positive correlation) และแต่ถ้าเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้าม ค่าความสัมพันธ์จะเป็นลบ (Negative correlation)
            Positive correlationเมื่อราคาของ 2 โปรดักส์นั้นเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน จะมีค่าความสัมพันธ์เป็นบวก ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินระหว่าง EUR/USE กับ EUR/CAD เป็นต้น
            Negative correlationเมื่อราคาของ 2 โปรดักส์นั้นเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม จะมีค่าความสัมพันธ์เป็นลบ ตัวอย่างเช่น EUR/USD กับ USD/CHF คือเมื่อ EUR/USD ขึ้น ส่วน USD/CHF จะลง แต่ถ้า EUR/USD ลง โดย USD/CHF จะขึ้นเป็นต้น

ความสัมพันธ์ของโปรดักส์ต่างๆในตลาด Forex ที่สำคัญ
  1. Forex pair: เป็นที่เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าถ้าคู่สกุลเงินเหมือนกัน ความสัมพันธ์ในการเคลื่อนไหวโดยรวมก็จะเป็นในทิศทางเดียวกัน อย่างเช่น EUR/USD, AUD/USD , NZD/USD , GBP/USD ที่มีสกุลเงิน USD เป็นสกุลเงินที่สองเหมือนกัน จะมีความสัมพันธ์เป็นบวก
กราฟตัวอย่าง USD/CAD, USD/CHF, USD/CNG, USD/CZK และ USD/SGD จะเห็นได้ว่าภาพพวกทิศทางเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน



USD กับ USD Index
            ถ้าเราเทรดคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับ USD ก็ต้องติดตาม US Dollar Index เป็นหลัก เนื่อง USD Index จะช่วยให้เทรดเดอร์รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของค่าเงิน USD ณ ช่วงเวลานั้น ซึ่งสามารถมาประกอบการวิเคราะห์กับคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับ USD
            กราฟด้านล่างแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่าง EUR/USD กับ USD Index ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ที่เป็นลบ (Negative) โดย EUR/USD ในส่วนของ USD เป็นคู่เงินสกุลเงินรอง จะให้ค่าความสัมพันธ์ที่เป็นลบ แต่ถ้า USD เป็นคู่สกุลเงินหลัก จะให้ค่าความสัมพันธ์ที่เป็นบวกกลับ USD Index


Commodities
            เป็นที่นิยมของเทรดเดอร์สายโภคภัณฑ์โดยหลักคือ Canadian dollar และ Australian dollar หรือที่เรียกกันว่า Commodity currencies
            แคนนาดาเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกน้ำมันเป็นหลัก สภาพเศรษฐกิจจึงขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน ดังนั้นค่าเงิน CAD กับ ราคาน้ำมันจะมักไปในทิศทางเดียวกัน (ค่าความสัมพันธ์เป็นบวก)



            ส่วนออสเตรเลียเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกทองคำเป็นอันดับต้นๆของโลก ดังนั้นราคาทองคำกับค่าเงิน AUD มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน (ค่าความสัมพันธ์เป็นบวก)


Safe haven
            สินค้าที่มักเรียกกันว่า Safe haven คือเวลาตลาดแย่ หรือมีเหตุการณ์ที่น่ากลัวอย่าง ภัยธรรมชาติ หรือสงคราม นักลงทุนจะหันมาลงทุนสินค้าพวกนี้ อย่างค่าเงิน Yen , Swiss franc และ ทองคำ นั่นเอง โดยพวกนี้จะมีทิศทางเดียวกัน


            กราฟของ JPYUSD กับ ราคาทองคำ จะเห็นได้ว่ามีความสัมพันธ์เป็นบวก ทิศทางเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน

วิธีการหาค่าความสัมพันธ์
            2 วิธีง่ายๆ ที่สามารถหาค่าความสัมพันธ์ของสินค้าต่างๆ คือ
  1. https://www.mataf.net/en/forex/tools/correlation : Website นี้จะให้เราเลือกคู่สกุลเงิน แล้วมาดูว่ามันมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ค่าความสัมพันธ์จะตกอยู่ในช่วง -100 (Negative) ถึง +100 (Positive)
  2. https://www.tradingview.com/ : Website นี้มี Indicator ที่ชื่อว่า Correlation Coefficient ในการดูค่าความสัมพันธ์ของแต่ละโปรดักส์

ทีมงาน : forexthairich.com

5 สิ่งที่หาไม่ได้จากตำราการเทรด

5 สิ่งที่หาไม่ได้จากตำราการเทรด

            การศึกษาการลงทุนต่างๆในโลกการเงินแห่งนี้ ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างหนัก เพื่อที่จะได้รับความสามารถในศาสตร์นั้นๆมา เช่นเดียวกับการเทรด Forex นั้นต้องทำการบ้าน , ต้องวิเคราะห์ตลาด , ต้องประเมินความเสี่ยงในการเทรด , การบริหารหน้าตัก , ควบคุมอารมณ์ และอีกต่างๆมากมาย ถึงแม้ว่าเราจะศึกษาอ่านหนังสือการเทรด หรือลงเรียนคอร์สต่างๆ อย่างหนักหน่วงแล้ว แต่ยังมีอีกหลากสิ่งที่หาไม่ได้จากตำรา นั้นก็คือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริง


  1. อารมณ์ตอนเทรดราวกับนั่งรถไฟเหาะ – เมื่อก้าวเข้ามาเทรดใน Forex ครั้งแรก มักทราบว่าตลาดแห่งนี้สามารถกระชากอารมณ์ของเราออกมาอย่างรุนแรง แม้ว่าตัวเราจะนั่งอยู่นิ่งๆก็ตาม อารมณ์ที่ต้องเจอทั้ง ดีใจ , กลัว , สับสน , ตื่นเต้น , เครียด และอื่นๆมากมาย ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ต้องจัดการมันให้ได้
  2. เราไม่สามารถควบคุมตลาดได้ – ในตลาด Forex มีมูลค่าการเทรดต่อวันราว 5.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เทรดเดอร์เพียง 1 คน จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของทิศทางราคาในตลาด ดังนั้นอย่าคิดว่าตัวเองเก่งกว่าตลาด เทรดตามสภาพตลาด ณ ที่เป็นตอนนั้นดีกว่า
  3. ความโลภอาจนำไปสู่หายนะ – ความโลภหากใช้มันอย่างเหมาะสมก็จะเป็นสิ่งที่ดี เป็นแรงจูงใจให้เราก้าวไปข้างหน้า แต่ถ้าหากมีความโลภมากเกินไป ในการเทรดนั้นมันจะนำพาไปสู่หายนะได้
  4. รอให้เป็น – อย่าไปรีบเทรด อย่าคันมือ รอจังหวะที่ราคาเข้า Set up ของเรา ค่อยเทรด รอจังหวะที่หน้าเทรดของเรานั้นมี Risk reward ratio ที่ดี ค่อยเทรด อย่าไปกังวลว่าจะตกรถ หรือเสียโอกาส เพราะใน Forex โอกาสมาให้เห็นอยู่เสมอ
  5. มีเสี่ยงบ้าง – การเทรดก็เปรียบเสมือนการทำธุรกิจ ต้องมีความเสี่ยงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ว่าจะทำธุรกิจแล้วไม่มีความเสี่ยง ดังนั้นต้องเข้าใจว่าในการเทรดอาจมีแพ้บ้าง แต่ของให้การแพ้นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนทางในการนำไปสู่การชนะในภาพรวม

ทีมงาน : forexthairich.com